
บทการขายสร้างเงินล้าน “คุ้มครองการศึกษาบุตร”
ตัวแทน: พี่เคยได้ยินคนพูดเรื่องนี้ไหมครับ?
ถ้าเราเอาทรัพย์สินให้ลูกทั้งหมด
เราก็ยังไม่รู้เลยว่าเขาจะรักษาทรัพย์สินหรือเพิ่มพูนให้งอกเงยได้หรือไม่
แต่ทรัพย์สินที่แท้จริงหาใช่สิ่งของบรรดามีทั้งหลายไม่
แต่กลับเป็น “การศึกษา”
หากมีความรู้ นอกจากจะรักษาทรัพย์สินที่เรามอบให้เขาได้แล้ว
ก็ยังต่อยอดเพิ่มพูน และเอาตัวรอดได้ในทุกสถานการณ์
พี่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ไหมครับ?
ผู้มุ่งหวัง: อืม
ตัวแทน: แล้วพี่วางแผนให้ลูกเรียนจนถึงชั้นไหน ระดับไหนหรือครับ
ผู้มุ่งหวัง: ก็เท่าที่เขาเรียนไหวนะ ปริญญาตรี โท เอก ได้ก็ยิ่งดี
ตัวแทน: ไม่ได้ปากหวานนะ แต่พูดจากหัวอกคนเป็นพ่อเหมือนกัน ผมว่าลูกของพี่โชคดีมากๆ ที่คุณพ่อมีวิสัยทัศน์ เห็นคุณค่าของการศึกษา
ผมขออนุญาตเข้าเรื่องนะครับ
เกิดวันนี้ โรงเรียนดีดีที่ลูกเราไปเรียนขึ้นค่าเทอมสัก 10% เนื่องจากค่าครองชีพขยับขึ้น
พี่จะให้ลูกลาออก หรือ ยอมจ่ายเพิ่มเพื่อให้ลูกเรียนหนังสือที่โรงเรียนนี้ต่อไปครับ
ผู้มุ่งหวัง: ทำไงได้ ก็มันจำยอม ก็คงต้องจ่าย
ตัวแทน: ถ้าลูกของเราตั้งใจเรียนจริงๆ มีความเพียรจะเรียนจบมาเพื่อตอบแทนพระคุณพ่อแม่ เป็นลูกที่น่ารัก ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น พี่ยังยินดีจะส่งเสียเขาให้ถึงเป้าหมาย ปริญญาโท เอก อย่างที่ตั้งใจไว้ไหมครับ?
ผู้มุ่งหวัง: แน่นอน
ตัวแทน: หากวันนี้โรงเรียนใจดีล่ะครับ? (นิ่งเงียบ สักพัก ก่อนพูดต่อ)
โรงเรียนเก็บค่าเทอมเพิ่ม 10%
แต่
โรงเรียนจะให้เงื่อนไข เพิ่มเติมว่า
หาก คุณพ่อ หรือ คุณแม่ ที่เป็นคนจ่ายค่าเทอม
ไม่อยู่แล้ว คือไปเที่ยวสวรรค์ก่อนวัยอันควร (หรือ เทวดามารับตัวไปอยู่บนสวรรค์)
ไม่ว่าจะด้วยสาเหตุใดก็ตาม
โรงเรียนจะเป็นผู้ส่งเสียลูกของพี่จนเรียนจบ ตามที่พี่ตั้งใจไว้ทุกประการ
ไม่ต้องมีใครมีภาระจ่ายค่าการศึกษาให้ลูกพี่ (ถ้ารู้ชื่อลูก ให้พูดชื่อลูก) อีกต่อไป
แต่ถ้าไม่เกิดอะไรขึ้นมา พอลูกเรียนจบ เงินค่าเทอม 10% ที่พี่จ่ายให้โรงเรียนไป
โรงเรียนจะคืนให้ลูกพี่เอาไปเริ่มต้นชีวิต อาจเปิดกิจการ หรือไปลงทุนทำอะไรก็ได้
เป้าหมายทางการศึกษาของลูกพี่สมบูรณ์ 100% แน่นอน
พี่จะยอมค่าเทอมเพิ่มขึ้น 10% ไหมครับ
ผู้มุ่งหวัง: เฮ้ย!! มีจริงเหรอวะ
(ปิดการขายตามขั้นตอน)
เจฟ ชัยยะพัส
ความเห็นล่าสุด