• LOGIN
  • ไม่มีสินค้าในตะกร้า

ผมสามารถขายกระดาษแผ่นเดียวในราคา 10 ล้านบาทได้

“ผมสามารถขายกระดาษแผ่นเดียวในราคา 10 ล้านบาทได้”

ทันทีที่ผมพูดประโยคนี้จบ

กว่า 90% ของคนที่ฟังประโยคนี้
และรวมถึง “คุณ” ที่กำลังอ่านอยู่ด้วย
จะ react ผมกลับมาทันที ทั้งคิดในใจ
โพล่งออกมาด้วยคำพูด

และถ้าคุณไม่แคร์คนพูดเท่าไหร่นัก
คุณจะพิมพ์คอมเม้นท์ด่าเอาเสียด้วยซ้ำ

ผู้ตัดสินคนอื่น ผู้วิจารณ์ผู้อื่นมีหลายระดับ
ขึ้นอยู่กับประสบการณ์ ทัศนคติการมองโลกของผู้วิจารณ์นั้น

มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ มนุษย์แท้ๆ ต้องชอบตัดสิน คิดวิจารณ์ครับ
อาทิ

“ไอ้บ้า พูดมาได้ มึงคงทำได้จริงหรอก ขี้คุยชิบหาย”

“อ่อ ไอ้พวกหลอกแดกเงินชาวบ้าน คงหาเรื่องอะไรมาหลอกลวงอีกล่ะสิ”

“ถ้ามึงทำได้ขนาดนั้น ไม่เก็บเคล็ดลับไว้หาแดกเอง มาบอกกูทำไม งงตรรกะมึงว่ะ”

“โห หมดศรัทธาเลย ผมเคยนับถือพี่ แต่ขี้โม้ขนาดนี้ ก็ไม่ไหวนะพี่”

“หืม..ทำได้จริงเหรอวะ ไหนเป็นไง ลองอ่านดูหน่อย”

แต่…
ส่วนน้อย อาจไม่ถึง 3% จะคิดว่า
“มันอาจจะเป็นไปได้นะ”

และมีไม่ถึง 1% จะบอกว่า
“เป็นไปได้แน่นอน”

__________________________

ก่อนเล่าเรื่อง “ผมขายกระดาษแผ่นเดียวราคา 10 ล้านบาท”

ผมอยากจะบอกคุณว่า
กระบวนการทั้งหมดทั้งมวลนี้
ล้วนแต่เป็นเรื่องการ “โน้มน้าวใจ” ทั้งสิ้น

ผมจะพิสูจน์ให้คุณเห็นถึงพลังของการโน้มน้าวใจเสียก่อนว่า

มันสามารถสร้างผลลัพธ์ให้กับผู้รู้เทคนิคนี้ได้อย่างไร

เรื่องเล่าเรื่องที่ 1

ประธานนักเรียนหน้าตาขี้เหร่ ได้รับเลือกเป็นประธานนักเรียน

หญิงสาวนางหนึ่ง เธอไม่ใช่คนหน้าตาสะสวย
แถมออกไปในทางขี้เหร่มากๆ เสียด้วย

การเรียนของเธออยู่ระดับปานกลาง
ไม่ได้เก่งกาจขนาด A ทุกวิชา

เธอตัดสินใจที่จะสมัครประธานนักเรียนเพื่อเธอจะได้มีโอกาสรับใช้สังคม และ พัฒนาตนเอง

เธอก็ต้องพบเจอผู้สมัครที่เป็นคู่แข่งที่มีโพรไฟล์ดีกว่าทั้งรูปร่างหน้าตาและผลการเรียน

แต่…ในที่สุด

เธอชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ และได้เป็นประธานนักเรียน

ด้วย..
ประโยคในการรณรงค์การเลือกตั้งแค่ประโยคเดียว

“ถ้าคุณเลือกฉัน คุณจะสามารถบอกกับลูกคุณในอนาคตได้ว่า สมัยเรียนมหาวิทยาลัย
แม่สวยกว่าประธานนักเรียนอีกนะจ๊ะ”

นั่นคือพลังของ “การโน้มน้าวใจ”

________________________________

เรื่องเล่าเรื่องที่ 2

ขอทานตาบอดกับป้ายขอให้ช่วยบริจาค

ในเช้าวันที่อากาศสดใส
ฟ้าสีคราม ลมเย็นๆ พัดโชย
ชายตาบอดคนหนึ่งนั่งขอทานริมถนนที่คนเดินพลุ่กพล่าน

เขาเอากระป๋องวางเพื่อรอรับเศษเงินบริจาค
ข้างๆ กระป๋อง มีป้ายกระดาษแข็งเขียนว่า

“I’M BLIND, PLEASE HELP ME.”
“ผมเป็นคนตาบอด กรุณาช่วยผม”

คนเดินผ่านไปมา
บ้างบริจาคเศษเงินเล็กน้อยให้กับเขา
บ้างก็เดินผ่านเลยไป

ผู้หญิงแต่งตัวดีราวกับเดินออกมาจากหนังสือแฟชั่นนางหนึ่งเดินผ่านมา
เธอหยุดที่ขอทานตาบอด

ชายตาบอดที่นั่งอยู่สัมผัสได้แต่เพียงรองเท้าส้นสูงมันวาวคู่นั้น

เธอหยิบปากกาของเธอขึ้นมาเขียนอีกด้านของกระดาษแข็ง

และพลิกด้านที่เธอเขียนให้คนเดินผ่านไปมาได้เห็นข้อความ

เมื่อเธอเดินจากไป
ขอทานตาบอดก็ต้องงงงวยกับสิ่งที่เกิดขึ้น

คนเดินผ่านไปมาส่วนใหญ่
ต่างก็บริจาคเงินให้กับเขา

เสียงเหรียญกระทบกระป๋อง ดังครั้งแล้วครั้งเล่า
เสียงเหรียญที่ตกบนหน้าตักของเขาดังแทบจะไม่ขาดสาย

เขาโกยเศษเหรียญใส่กระป๋องและพบว่ามีธนบัตรอยู่ประปรายอีกด้วย

ตกเย็น
ผู้หญิงคนเดิมเดินมาหาเขา
ขอทานจำรองเท้าหนังนุ่มลื่นมือคู่นั้นได้

เขาถามผู้หญิงคนนั้นว่า
“คุณผู้หญิงเขียนอะไรลงไปในป้ายของผมหรือครับ”

เธอจับไหล่ชายตาบอด ตอบชายตาบอดว่า
“ดิฉันไม่ได้เขียนอะไรเพิ่มมากนักหรอกค่ะ
ดิฉันเขียนข้อความอย่างที่คุณต้องการสื่อเท่านั้นค่ะ”

เธอเขียนว่า
“ IT’S A BEAUTIFUL DAY, BUT I CAN’T SEE IT”
“วันนี้เป็นวันที่สวยงาม แต่ผมมองไม่เห็นความงามนั้น”

นั่นคือพลังของ “การโน้มน้าวใจ”

__________________________________

แล้วผมขายกระดาษแผ่นเดียวราคา 10 ล้านบาทยังไง?

สมัยที่ผมขายประกันชีวิต
ผมมักใช้กระดาษแผ่นเดียวกับปากกาสองสี
กับทักษะ #โน้มน้าวใจให้WINWIN
ในการขายไอเดียลูกค้าเสมอ

ไม่มีสมาร์ทโฟน ไอแพด หรือ โน้ตบุ๊ค
ใช้กระดาษแผ่นเดียวนี่แหละ ในการขาย
ไม่ว่าจะเก็บเบี้ยประกันหลักหมื่นหรือหลักล้าน
ก็ใช้กระดาษเปล่าในการสื่อสาร
Visualize สร้างภาพให้เกิดในหัวของลูกค้า

ผมขีดเขียนไอเดียในการนำเสนอลงไปในกระดาษ
ใช้ปากกาสองสี
กระดาษแผ่นนั้นมีราคาตั้งแต่หลักพันยันสิบล้าน
ขึ้นอยู่กับขนาดไอเดีย

วันหนึ่งพบเข้าพบนักธุรกิจท่านหนึ่ง
เขากู้เงินธนาคารมาลงทุนทำธุรกิจนับร้อยล้าน

ตัวแทน: คุณลูกค้าครับ การที่นักธุรกิจคนหนึ่งจะได้เงินกู้จากธนาคารหรือสถาบันการเงิน

เขาเดินเข้าไปตัวเปล่าแล้ว บอกว่า ต้องการเงินกู้สักร้อยล้าน

ธนาคารจะใจดี อนุมัติให้ทันที
กลับออกมาพร้อมเงินในบัญชี 100 ล้านเลยไหมครับ?

ลูกค้า: ไม่มีมีทาง

ตัวแทน: ไม่มีทางใช่ไหมครับ
ไม่ใช่มีแค่แผนธุรกิจที่ดี ต้องมี “หลักทรัพย์” ไปค้ำประกันด้วย
ถูกไหมครับ?

หลักทรัพย์ เช่น บ้าน ที่ดิน โรงงาน ฯลฯ
เมื่อมีแผนธุรกิจที่ดี และมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน
ธนาคารจึงปล่อยเงินกู้ ใช่ไหมครับ?

คำถามต่อมา
ตัวแทน: คุณลูกค้าทำธุรกิจนี้เพื่อ “ครอบครัว”
หรือ
คุณลูกค้าทำธุรกิจเพื่อ “ธนาคาร” ครับ

ลูกค้า: แน่นอน เพื่อครอบครัวสิครับ

คำถามต่อมา
ตัวแทน: วันนี้ในสัญญากู้เงิน
ธนาคารระบุไหมครับว่า ดอกเบี้ยจะไม่ขึ้นอีก?

ลูกค้า: ผันแปรตามสภาวะเศรษฐกิจ ขึ้นได้ ลงได้

ตัวแทน: ถ้าวันนี้ธนาคารขึ้นดอกเบี้ยสัก 2%
คุณลูกค้าจะยกเลิกเงินกู้ เอาเงินไปคืนธนาคาร เลิกธุรกิจไปเลย

หรือ

คุณลูกค้าจะจ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น และ ทำธุรกิจต่อไปครับ?

ลูกค้า: มันอยู่ในภาวะจำยอมนี่ ก็ต้องยอมจ่าย

ตัวแทน: เข้าใจครับ

คำถามต่อมา
ตัวแทน: ผมขอถามคุณลูกค้าว่า
ในการกู้ยืมเงินกับธนาคาร
มีลูกค้าของธนาคารที่เป็นแบบนี้ไหมครับ

คือ อยู่ๆ ในขณะที่ธุรกิจกำลังไปได้สวย
แต่เจ้าของบริษัท ซึ่งก็คือผู้ที่กู้เงินธนาคารมาต้องจากไปก่อน

คุณลูกค้าคิดว่า ธนาคารจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างไรครับ?

ธนาคารจะใจดี ขนาดที่ว่า ยกหนี้สินทั้งหมดให้
ไม่ไปตามทวงหนี้เอากับครอบครัวเจ้าของธุรกิจท่านนั้นไหมครับ?

ลูกค้า: ไม่มีหรอก มีแต่จะยึดทรัพย์สินที่จำนองไว้มากกว่า

ตัวแทน: ถ้าเป็นแบบนั้น ก็กลายเป็นว่า ทำธุรกิจเพื่อธนาคาร สิครับ

เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจดีหรือไม่ดี เขาก็ได้รับดอกเบี้ยเงินกู้จากคุณลูกค้า

ถ้าเกิดวิกฤต คนทำธุรกิจจากไป เขาก็ยังยึดเอาทรัพย์สินที่ค้ำประกันไว้ได้ ตามกฎหมาย

นับว่าธนาคารเป็น หุ้นส่วนที่มีแต่ชนะ ไม่มีทางขาดทุน ไม่มีทางที่เขาจะสูญเสียในเกมนี้เลย

คุณลูกค้าเห็นด้วยกับผมไหมครับ?

ลูกค้า: ……..

ตัวแทน: (ให้ Solution) แต่ถ้าวันนี้ ธนาคารขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้จริงๆ อีก 2% ยังไงคุณลูกค้าก็ต้องจ่ายให้ธนาคารตามกฎหมาย

แต่…
ธนาคาร กลับ ขอเปลี่ยนจากผู้ร้ายกลายเป็นผู้ดีบ้าง

คือ…
ธนาคารบอกว่า ในเมื่อเก็บดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 2% นี้แล้ว
ขอเป็นผู้รับผิดชอบบางอย่างบ้าง

คือ ถ้าเจ้าของกิจการซึ่งเป็นผู้กู้ตามกฎหมายต้องเสียชีวิตไปจริงๆ ไม่มีใครมาดำเนินธุรกิจแล้ว

แทนที่ธนาคารจะยึดทุกสิ่งทุกอย่างที่จำนองเอาไว้

ธนาคารขอยกหนี้สินทั้งหมดให้ทันที
พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ทรัพย์สินที่จำนองไว้กับธนาคารทั้งหมด คืนให้กับทายาทของเจ้าของธุรกิจนั้น

คุณลูกค้าว่าแบบนี้ น่าจ่ายดอกเบี้ยเพิ่ม 2% ไหมครับ

ลูกค้า: …..

(ปิดการขายตามขั้นตอน)

_____________________________

นี่คือตัวอย่างหนึ่งในการโน้มน้าวใจ
ยังมีตัวอย่างและเทคนิควิธีการอีกมากมาย

ซึ่งถ้าคุณเข้าใจเทคนิควิธีการ
คุณจะขายสินค้าอะไรก็ได้ในโลกนี้ครับ

ถ้าคุณคิดว่าบทความนี้มีประโยชน์แก่คนอื่นด้วย
ก็ช่วยแชร์ออกไป

กดไลค์แฟนเพจ และ กด SEE FIRST
เพื่อไม่พลาดโพสที่ให้ความรู้เทคนิควิธีการ
ที่จะช่วยทำให้คุณขายดี

ติดตามเทคนิค วิธีการ ที่จะทำให้ #คุณขายดี
ได้ที่เพจ พี่ชื่อเจฟ

YouTube: พี่ชื่อเจฟ

Line Official: @iamjeff (ใส่ @ ด้วยนะครับ)

2020-04-21
© Copyright 2019 iamjeffthailand Company Limited All rights reserved
X